สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ (สวส.)

Office of Academic Resources and Information Technology

EQUALIZER

วัตถุประสงค์ของการปรับแต่ง EQ ก็คือ ต้องการให้ระบบเสียงโดยรวมที่ออกมาจากลำโพงนั้น 
มีความถี่เสียงทุกเสียงดังออกมาเท่าๆกัน 
พูดง่ายๆก็คือ ต้องการให้ เสียงทุ้ม เสียงกลาง เสียงแหลม มีระดับความสมดุลย์ของความดังให้มากที่สุด 
ในระดับความดังน้อยๆ (เสียงค่อย)นั้น...... หูมนุษย์จะตอบสนองกับเสียงทุ้มและเสียงแหลมน้อยมาก คือ 
ไม่ค่อยได้ยินนั่นเอง แต่จะได้ยินเสียงกลางมากที่สุด 
เครื่องเสียงชั้นดีโดยทั่วๆไปนั้น จะผลิตความดังของทุกย่านความถี่ออกมาเท่าๆกันอยู่แล้ว 
แต่ดังที่กล่าวแล้วว่า ในระดับความดังต่ำๆ เราจะไม่ได้ยินเสียงทุ้ม กับเสียงแหลม ทั้งที่มันก็ดังน่ะแหละ 
แต่เราไม่ได้ยินซะเอง 
ดังนั้นเครื่องเสียงส่วนใหญ่ จึงให้วงจรชดเชยมาอันนึง ที่เราเห็นว่าเป็นปุ่ม loudness น่ะแหละ....ถ้าเรากดปุ่มนี้ลงไป เราจะรู้สึกได้ทันทีว่า เสียงดีขึ้น 
เพราะเราได้ยินเสียงครบทุกย่านความถี่ 
นั่นเพราะ วงจร loudness จะไปยกระดับความดังของเสียงทุ้ม กะเสียงแหลมขึ้นมา 
เพื่อชดเชยกับความสามารถของหูมนุษย์ 
ในที่นี้............. loudness ก็ทำหน้าที่ EQ ให้เราไงครับ 
ทีนี้...........สำหรับนักเล่นที่พิถีพิถันขึ้นมาอีกหน่อย หรือในวงการของ concert หรือ house PA 
ทั้งหลายแหล่...............แค่ loudness มันไม่พอหรอกครับ 
เพราะว่า............แต่ละสถานที่...แต่ละเวที...แต่ละสิ่งแวดล้อม...แต่ละห้อง 
มันไม่เหมือนกันเลย......แต่ละแห่งก็ต้องการการปรับแต่ง EQ 
ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสิ่งแวดล้อมตัวเองทั้งนั้น 
EQ ขนาดปานกลางส่วนใหญ่ มักจะมีข้างละ 10 แบนด์ ตั้งแต่ 64 Hz - 16KHz (16,000 Hz ) เพราะเค้าถือว่า 
ย่านความถี่ที่มนุษย์ได้ยิน จะอยู่ในช่วงนี้ ส่วนที่ต่ำกว่านี้ และที่สูงกว่านี้ เราจะไม่ค่อยได้ยินแล้ว 
(ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์...เค้าบอกว่า เราจะได้ยิน ตั้งแต่ 20 - 20000 Hz 
แต่ตามความเป็นจริงแล้ว....มนุษย์ผู้ใหญ่อย่างเรา ไม่ได้ยินถึงขนาดนั้นหรอกครับ 
ถ้าเป็นเด็กทารกล่ะอาจจะใช่) 
วิธีปรับ EQ ที่ง่ายที่สุด ก็คือ ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Spectrum analyzer .... ไอ้เจ้า Spectrum analyzerเนี่ย...มันจะผลิตสัญญานที่เรียกว่า Pink noise ออกมา 
(เป็นเสียงซ่าๆ...ฟังแล้วรำคาญหูชมัด) 
เจ้า Pink noise นี่มีสัญญานความถี่ออกมาครบทั้งย่านเลยนะครับ ตั้งแต่ 20-20000 Hz เลยหละ 
เมื่อเราเอาไอ้สัญญาน Pink noise ที่ได้มาจาก Spectrum analyzer เนี่ย 
ต่อเข้ากับระบบของเรา...เราก็จะได้ยินเสียงซ่าออกมาจากลำโพง 
จากนั้นก็เอา Microphone ชนิดพิเศษที่มีความไวสูง (มันมักจะให้มาพร้อมกับ Spectrum analyzer อยู่แล้ว 
)......มาต่อเข้ากับ Spectrum analyzer แล้วเอาไอ้ Mic เนี่ย ไปวางไว้ตรงตำแหน่งที่นั่งฟัง 
คราวนี้ เราก็มาดูที่หน้าจอของ Spectrum analyzer เราก็จะรู้ว่า ระบบของเราผลิตสัญญานย่านไหน แรงไป 
หรือค่อยไป เราก็ไปปรับที่ EQ ของเรา 
ปรับไปจนกระทั่ง Spectrum analyzer มันแสดงผลว่า ได้ยินทุกย่านความถี่เสียง...เท่าๆกัน 
เป็นอันจบ...ถือกันว่า ระบบนั้นได้ทำการจูน EQ จน Flat แล้ว.....ไม่ต้องปรับต้องหมุนอะไรอีกแล้ว 
ฮ่าาาาา...สบายล้ะ 
...........แต่..........อนิจจา.....ในความเป็นจริงของชีวิต มันไม่ง่ายหยั่งงั๊นนนน...ท่านผู้ชม 
แผ่นแต่ละแผ่น เทปแต่ละม้วน Producer แต่ละคน วงดนตรีแต่ละวง ต่างก็มีอุปนิสัยไม่เหมือนกัน 
ยกตัวอย่างเช่น............. 
ถ้าเป็นวงดนตรีนะครับ ไอ้มือเบสวงนี้มันเล่นดังเหลือเกิน ส่วนไอ้มือคอร์ดก็เล่นเบ๊า-เบา 
แต่ไอ้นักร้องก็เสียงดีเหลือเกิน...บางจ๋อยเชียว 
มันก็ยังต้องปรับต้องหมุนกันอยู่นั่นเอง....... 
แต่เราก็พยายามอย่าไปยุ่งกับ EQ ก็แล้วกันครับ ไปปรับเอาที่ channel ของแต่ละคนซะ 
ตานี้.....ถ้าไม่มี Spectrum analyzer จะปรับยังงัยล่ะ ? 
มันก็ต้องปรับกันด้วย หู เรานั่นแหละครับ Spectrum analyzer ที่ธรรมชาติให้มากับทุกๆคน

 
อ้างอิงhttp://www.sav2011.org/articles/41918733/EQUALIZER.html