ซึ่งโดยปกติค่าเริ่มต้นในการใช้งาน Chrome จะมีแอพพลิเคชั่นและส่วนขยาย (Extension) ที่ช่วยเพิ่มการทำงานให้กับระบบ และบางส่วนก็ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยในการปรับปรุง แก้ไขและแจ้งเตือน ก็ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากในการใช้งาน
ไม่ว่าจะเป็น การเตือนบน Facebook หรือมีอีเมล์ใหม่ใน Gmail ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่ส่งผลให้มีการใช้ทรัพยากรของเครื่องมากยิ่งขึ้น ในครั้งนี้เราจึงนำเสนอวิธีในการหยุดการทำงานของแอพในเบื้องหลังของ Chrome มาให้ตัดสินใจ
ด้วยวิธีการนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย จึงควรพิจารณาก่อนตัดสินใจแก้ไข เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ ในส่วนของข้อดีของการปิดการทำงานเบื้องหลังของ Chrome ก็คือ เวลาที่คุณติดตั้ง Extension หรือใช้บริการในเว็บที่มีการอัพเดตอย่างต่อเนื่อง การทำงานในเบื้องหลังก็จะช่วยอัพเดตและแจ้งเตือน
แม้ในขณะที่ Chrome ปิดการทำงาน จึงช่วยให้ได้รับการปรับปรุงการทำงานอย่างเหมาะสม หากคุณต้องการระบบแจ้งเตือนเหล่านี้ ก็คงจะต้องเปิดให้ทำงานกันต่อไป แต่ถ้าคิดว่าไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น การปิดก็ช่วยลดภาระในการทำงานของระบบลง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการอัพเดตเหล่านั้น อาจมีความสำคัญในบางครั้ง
ข้อเสียของการไม่ปิดก็มีอยู่ เช่นการใช้ทรัพยากรเครื่องเพิ่มมากขึ้น บางอย่างเช่นการเล่นเกม อาจจะต้องเรียกใช้ทรัพยากรเครื่องอย่างหนักหน่วง เมื่อต้องถูกแบ่งบางส่วนไป ก็อาจจะลดทอนการเล่นเกมของคุณลงได้ เช่นเดียวกับการแจ้งเตือน ที่บางคนอาจจะมองว่าน่ารำคาญ โดยเฉพาะบางคนที่ต้องเปิดคอมออกสื่อบ่อยๆ การปิดการออนไลน์ น่าจะช่วยให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น การปิดการทำงานเบื้องหลังนี้ อาจจะเหมาะสมมากกว่า
ส่วนวิธีการ Disable ปิดการทำงานเบื้องหลังที่อยู่ใน Google Chrome
1.ให้คลิกที่เมนูบน Chrome แล้วเลือก Settings
2.เลื่อนลงมาด้านล่าง แล้วคลิกที่ Show advanced settings
3.เลื่อนลงมาด้านล่างของหน้าต่าง ไปยังออพชั่นที่เป็น Uncheck หรือเอาเครื่องหมายหน้า “Continue running background apps when Google Chrome is closed” ในหัวข้อ System ออก
ด้วยขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนนี้ ก็จะหยุดการทำงานของแอพที่รันอยู่เบื้องหลังของ Google Chrome และออกจากการทำงาน เมื่อคุณคลิกที่ปุ่มปิดโปรแกรม แต่ถ้าหลังจากนั้น คุณต้องการจะให้ระบบการเตือนต่างๆ กลับมาเหมือนเดิม ก็ให้ไปที่ Settings แล้วเปิดการทำงานของฟีเจอร์ดังกล่าวอีกครั้ง
ที่มา:maketecheasier