สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ (สวส.)

Office of Academic Resources and Information Technology

เลือกซื้อ POWER BANK อย่างไรให้มีประสิทธิภาพที่สุด

Blog

เลือกซื้อ Power Bank อย่างไรให้มีประสิทธิภาพที่สุด

ปัจจุบันหน้าจอสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นทุกวันและมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต อัพเดตโซเชียลเน็ตเวิร์คกันอยู่แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง ตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้แบตเตอรี่สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตของคุณอยู่ได้ไม่ครบวัน บางครั้งชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืน แล้วเอาออกไปใช้ได้ถึงแค่ตอนเย็นยังไม่ทันกลับถึงบ้านแบตเตอรี่ก็ลดลงหรืออาจถึงขั้นเครื่องดับกันเลยทีเดียว และเพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น คุณก็ต้องอาศัยตัวช่วยยอดนิยมอย่างแบตเตอรี่สำรองหรือที่เราเรียกกันอยู่บ่อยๆว่า Power Bank ซึ่งการเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ก็ควรใช้สินค้าที่ได้มาตราฐานอย่างมาก 

อันดับแรก ต้องตรวจสอบสเปคของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตว่าใช้แบตเตอรี่ขนาดความจุกี่มิลลิแอมป์(mAh) ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบความจุแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตแต่ละรุ่นได้ตาม website ต่างๆ

เมื่อรู้แล้วว่าแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของคุณมีขนาดความจุเท่าไหร่ ลำดับต่อมาเราจะมาตรวจสอบความสามารถใน การจ่ายกระแสไฟของอะแดปเตอร์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งเป็นขั้นตอนที่หลายคนละเลยเมื่อจะเลือกซื้อ Power Bank ซึ่งการตรวจสอบนี้เพื่อให้ทราบว่า สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของเรามีความสามารถในการจ่ายกระแสไฟได้เท่าไร และจึงนำไปเลือก Power Bank ที่มีค่าการจ่ายกระแสไฟให้เท่ากัน สมมติว่า "อะแดปเตอร์ของแท็บเล็ตของคุณ สามารถจ่ายกระแสไฟได้ 2.0A คุณก็ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้ 2.0A เท่ากับตัวอะแดปเตอร์ของแท็บเล็ต และถ้าหากคุณเลือกซื้อ Power Bank ที่จ่ายกระแสชาร์จได้เพียง 1.0A ก็จะใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่นานกว่าปกติ" ดังนั้นเราควรเลือก Power Bankที่มีอัตราการจ่ายกระแสไฟเทียบเท่ากับตัวอะแดปเตอร์ของตัวอุปกรณ์ที่ใช้งาน

หลังจากได้ดูในเรื่องของอัตราการจ่ายกระแสไฟกันไปแล้ว ลำดับต่อไปก็มาดูใน เรื่องความจุของ Power Bank กันบ้าง ซึ่งปัจจุบันจะพบว่ามี Power Bank ให้เลือกซื้อมากมายหลายขนาดความจุ หลักการเลือกขนาดความจุที่เหมาะสมคือ ควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุเกินค่า 2 เท่าของแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของคุณอยู่เล็กน้อย เช่นถ้าแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนของคุณมีความจุ 2,000 mAh ก็ให้นำค่านี้คูณ 2 แล้วบวกขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจจะประมาณคร่าวๆ ได้ว่าควรเลือกซื้อ Power Bank ที่มีขนาดความจุประมาณ 5,000-5,500 mAh ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งขนาดความจุนี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 2 รอบ ส่วนการซื้อ Power Bankที่ขนาดความจุสูงเกินกว่านี้ แม้ว่าจะชาร์จได้หลายรอบมากกว่า แต่ก็จะตามมาด้วยขนาด Power Bank ที่ใหญ่โตมากกว่า, มีน้ำหนักมากกว่า และมีราคาสูงกว่าด้วยเช่นกัน

 

คุณสมบัติพื้นฐานที่ควรมีใน Power Bank

– ควรมีสเกลบอกระดับพลังงานคงเหลือ การใช้ Power Bank ที่ไม่มีสเกลบอกระดับพลังงาน เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีพลังงานเหลืออยู่เท่าไหร่ เมื่อจำเป็นต้องหยิบมาใช้ก็อาจจะปรากฏว่าพลังงานใน Power Bank มีไม่เพียงพอต่อการใช้งาน

– ควรมีระบบป้องกันไฟลัดวงจร Short Circuit Protection เป็นระบบที่ช่วยตัดการจ่ายไฟของ Power Bank โดยอัตโนมัติเมื่อเกิดการลัดวงจรขณะชาร์จ ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาไฟลุกไหม้ตัว Power Bank

– ควรมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็ม Overcharge Protection เป็นระบบที่ช่วยตัดการชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตโดยอัตโนมัติ เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม เพื่อไม่ให้เกิดการชาร์จไฟเกิน ซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง และเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ

– ควรมีระยะเวลาการรับประกันที่ชัดเจน และแบรนด์เป็นที่ยอมรับของตลาด ในบ้านเรามี Power Bank ให้เลือกซื้อหลายยี่ห้อหลายระดับราคาให้หลีกเลี่ยง Power Bank ที่ไม่มีระยะเวลาการรับประกันสินค้าอย่างชัดเจน เนื่องจากมีโอกาสสูงที่ Power Bank เหล่านั้นจะใช้แบตเตอรี่ประสิทธิภาพต่ำทำให้ไม่สามารถชาร์จได้ครบจำนวนรอบตรงตามสเปคและอาจเกิดอุบัติเหตุในขณะที่ชาร์จ รวมถึงการเลือกซื้อ Power Bank ของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในตลาดย่อมเป็นเครื่องหมายรับประกันได้ว่าจะรองรับการใช้งานไปได้อย่างยาวนาน

"หากคุณมีความจำเป็นจะต้องใช้ Power Bank ก็ควรเลือกซื้อสินค้าที่มีแบรนด์คุณภาพมาตรฐานและมีการรับประกันของศูนย์รับประกันชัดเจน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของคุณอีกด้วย"

ที่มา :: http://kssintertech.co.th