สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ (สวส.)

Office of Academic Resources and Information Technology


Office of Academic Resources and Information Technology

20 แนวโน้มเทคโนโลยีในปี 2013

           ในปีนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ Content เปลี่ยนโลก โดยเฉพาะการใช้สื่อผ่าน Social Network อย่าง Facebook, Twitter และสื่ออื่นๆ รวมไปถึงเครือข่ายย่อยอื่นๆ ในปี 2013 ที่กำลังจะมาถึง แนวโน้มของ Social Platform นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ Micro-Networks เป็นการสร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ กลุ่มย่อยๆขึ้นมาตามความสนใจ เรามาดูกันว่า ในปี 2013 จะมีแนวโน้มเทคโนโลยีในด้านใดบ้าง โดยเราจะนำเสนอ 20 เทคโนโลยีที่น่าสนใจ รับรองว่า ถ้าอ่านแล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์ และปีหน้า เราก็จะดูไปพร้อมๆกันว่า เทคโนโลยีใดที่มาแรง

 

 

อย่างที่รู้กันว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ในปีที่ผ่านมา เรามีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยี การออกแบบ ดีไซน์ การวางกลยุทธ์ในด้านต่างๆ เทคโนโลยีที่เราจะหยิบยกมานำเสนอต่อไปนี้ เป็นการคาดการณ์จาก Frog ทั้งด้านธุรกิจ วัฒนธรรม และนวัตกรรม โดยมีนักวิเคราะห์ในด้านต่างๆ ออกมาพยากรณ์และคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีได้อย่างสนใจ

อุปกรณ์เสริมจะฉลาดขึ้น

1. อุปกรณ์เสริมของสมาร์ทโฟนจะมีบทบาทมากขึ้น ฉลาดและอัจฉริยะมากขึ้น

อุปกรณ์เสริมบน iPhone จะมีความสามารถมากกว่าแค่การตกแต่งสมาร์ทโฟน แต่เป็นการใช้งานเสริมกับแอพพลิเคชั่น เช่นการใช้เคส iPhone เป็นเซ็นเซอร์ในการตรวจวัดคลื่นหัวใจสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ในปี 2013 อุปกรณ์เสริมจะได้รับการพัฒนาให้ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนในการใช้เป็น เซ็นเซอร์เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์รอบตัว รอดูกันได้ว่าปีหน้า Smart Accessories จะมีบทบาทกับชีวิตเราอย่างไร

 

2. อุปกรณ์เสริมช่วยในการควบคุมการขับรถยนต์

อุตสาหกรรมยานยนต์ ได้มีการนำอุปกรณ์เสริมมาช่วยในการขับรถยนต์ ตั้งแต่การจอดรถ หาที่จอดรถ ตรวจจับความเร็วในการขับรถ ด้วยการใช้กล้อง เซ็นเซอร์ และความสามารถในการคำนวณ รวมไปถึงการเชื่อมโยงกับระบบนำทาง แผนที่ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทาง Google เองก็มีการนำเสนอนวัตกรรมของรถยนต์ที่ขับเองได้โดยไม่ต้องใช้มนุษย์ ปรากฏการณ์เหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นในภาพยนตร์ Sci-Fi อีกต่อไป ยืนยันได้จากผู้ผลิตรถยนต์อย่าง BMW, GM, Volvo, Volkswagen, Mercedes-Benz, Cadillac ก็เข้าร่วมด้วย

 

อุปกรณ์จะเชื่อมโยงกับมนุษย์จนแยกไม่ออก

 

 

3.เมื่ออุปกรณ์ไอทีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์

การสวมใส่อุปกรณ์ไอที เห็นจะเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว สมัยก่อนหากใครจำได้ คนไหนที่สวมหูฟัง Bluetooth แล้วพูดคนเดียวเหมือนเป็นคนบ้า โดยอุปกรณ์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา ด้วยการผูกติดกับร่างกายเรา อย่างเช่น เซ็นเซอร์, กล้อง, อุปกรณ์ป้อนข้อมูล หรือแม้กระทั่งจอที่อาจจะอยู่บนแว่นตา หรือเสื้อผ้าที่เราสวมใส่

 

4. คอมพิวเตอร์สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างมีชีวิตชีวามากขึ้น

ปี 2013 คอมพิวเตอร์ไม่ใช่เพียงโรบอทหรือหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตอีกต่อไป เราจะได้เห็นหุ่นยนต์ที่โต้ตอบได้เหมือนมนุษย์ ไม่ใช่แค่กิริยา ท่าทาง แต่เป็นการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น คอมพิวเตอร์เก่าๆถูกโละ แทนที่ด้วย iPad, Android, Windows หรือแล็ปท็อปสุดบาง เล็ก และเร็วกว่าเดิม ต่อไปคอมพิวเตอร์จะเข้ามาอยู่ในชีวิตของเราและอยู่กับเราในทุกอิริยาบถ

5. แอพล่องหนไปอยู่บนก้อนเมฆ

คอมพิวเตอร์และการคำนวณต่างๆจะไปอยู่บน Cloud อยู่รอบๆตัวเรา และอยู่ในร่างกายของเรา  ยุคใหม่ของเบราเซอร์ที่ใช้ท่องเว็บจะกลายเป็นใช้เพื่อทำงานบน Cloud แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนจะทำงานซับซ้อนมากขึ้น คอมพิวเตอร์ที่เราเห็นกันทุกวันนี้จะเปลี่ยนไปประมวลผลบน Cloud แทน ผู้ช่วยอย่าง Siri จะเข้ามาช่วยเหลือคุณ ในปี 2013 Invisible Apps จะมาแรง เพราะจะถูกปรับเปลี่ยนไปตามความถนัดในการใช้งานของผู้ใช้

 

แรงบันดาลใจที่นำไปสู่การจับต้องได้มากขึ้น

 

 

 

6. จากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ จะมีผู้คิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆออกมาเพียบ

มีการคิดและพัฒนาแนวความคิดใหม่ๆในการสรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่อช่วยเหลือ ผู้อื่น จากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เมื่อเราได้พบกับภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น เราก็สร้างนวัตกรรมเพื่ออนุรักษ์โลกและประหยัดพลังงาน

 

7. จะมีการจัดการข้อมูลมากขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อมูลต่างๆที่เราใช้นั้นเริ่มจะมีความซับซ้อนมากยิ่ง ขึ้น การบริโภคข้อมูล และการสร้างข้อมูลขึ้นมาต้องคำนึงถึงความง่ายในการนำไปใช้และการประยุกต์ใช้ ในด้านต่างๆ

 

8.สมาร์ทโฟนจะนำไปสู่สิ่งที่จับต้องได้มากขึ้น

เทคโนโลยีการประมวลผลบนสมาร์ทโฟนได้รับการพัฒนาให้มีขนาดของโปรเซสเซอร์ เล็กลง และการเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยี 4G จะกลายเป็นมาตราฐานในหลายๆประเทศ (ส่วนประเทศไทยเราต้องรอดูกันอีกที) แม้ว่าจะมีการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายมากขึ้น การประมวลผลกลับต้องการการบริโภคพลังงานลดลง แต่รูปแบบของการประมวลผลจะเปลี่ยนจากการประมวลผลแอพ เป็นการประมวลผลเพื่อตรวจสอบม่านตา ลายนิ้วมือ ผ่านกล้องดิจิตอลบนสมาร์ทโฟนที่อาจจะต้องมีชิปประมวลผลของกล้องที่เชื่อมโยง กับชิปบนสมาร์ทโฟน ตรงนี้แอพที่ต้องการความปลอดภัยอย่าง Mobile Banking หรือการชำระเงินผ่านมือถือนี่จำเป็นมาก และการใช้เทคโนโลยีการจดจำคลื่นเสียงเพื่อล็อกอินจะกลายเป็นรูปแบบใหม่ของ ความปลอดภัย

 

ชีวิตออนไลน์จะเปลี่ยนไป

 

9. เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าจะแพร่หลาย

เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า จะกลายเป็นรูปแบบใหม่ของความปลอดภัย หลังจากที่สมาร์ทโฟนนำมาใช้ในการปลดล็อกก่อนเข้าใช้งาน เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ไม่ได้ใช้เพื่อความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ช่วยธุรกิจในการทำการตลาดได้ เช่น เดินเข้าร้านอาหาร แล้วเครื่องสามารถจดจำใบหน้าและเรียกชื่อคุณได้หากออร์เดอร์เสร็จเรียบร้อย แล้ว และยังสามารถนำไปใช้ในการอวยพรวันเกิดหรือสร้างข้อความต้อนรับเองก็ได้ และกล้อง จะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการตรวจสอบใบหน้า และซอฟต์แวร์ก็มีส่วนช่วยในการนำใบหน้าของเราไปเทียบกับภาพถ่ายและแสดง ข้อมูลของเราผ่านออนไลน์

 

10. ชีวิตดิจิตอล เต็มไปด้วยการแจ้งเตือน

การนั่งคอยการแจ้งเตือนต่างๆ กลายเป็นพฤติกรรมในปัจจุบันไปแล้ว ในการติดตาม Feeds, Walls, Streams, Notifications, Updates ชีวิตออนไลน์ตอนนี้แทบจะกลายเป็นงานประจำเลยเพราะอยู่ (กับ Notification) ด้วยกันตลอดวัน จริงๆแล้วทุกการแจ้งเตือนไม่ได้สำคัญกับการทำงานมากขนาดที่จะต้องไปนั่งเฝ้า แต่การแยกแยะความสำคัญของตัวบุคคลที่ติดต่อเราสำคัญกว่า เราสามารถกำหนดการแจ้งเตือนได้ตามต้องการของเราเอง

เทคโนโลยีเดิมจะปรับเปลี่ยนไปสู่บทบาทใหม่

 

 

 

11. แท็ปเล็ตเข้าถึงง่าย ราคาถูก

เขย่าวงการไอทีด้วยการเป็นเจ้าของแท็ปเล็ตได้ง่ายขึ้น และราคาที่ถูกลงจนทำให้ใครๆก็เป็นเจ้าของได้ เรียกได้ว่าแท็ปเล็ตกำลังจะกลายเป็นมินิคอมพิวเตอร์ที่ทดแทนหนังสือ นิตยสาร จากปรากฏการณ์แท็ปเล็ตราคาถูก ทำให้ผู้ใช้คนนึง มีแท็ปเล็ตมากกว่า 1 เครื่องเพื่อใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการและวัตถุประสงค์ต่างๆ แต่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือสิ่งพิมพ์และสื่อสารมวลชน เพราะแท็ปเล็ตกลายเป็นทางเลือกในการลดใช้กระดาษ

 

12. USSD คืออนาคตของปี 2013

แม้ว่าสมาร์ทโฟนราคาประหยัดจะได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง แต่ USSD (Unstructured Supplementary Service Data) หรือการกดตัวเลขเป็นคำสั่ง เช่น ดอกจัน xxxx # แล้วโทรออก จะกลายเป็นเครื่องมือในการติดต่อกับสถาบันการเงิน เพื่อให้ทุกคนสามารถทำรายการทางการเงินได้อย่างง่ายดาย

 

13. ถึงเวลาสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่แท้จริง

นอกจากบริษัทใหญ่ๆแล้ว ยังมีบริษัทขนาดเล็กที่นำเสนอบริการที่แรงจนน่าจับตา อย่าง Square และ Dropbox ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานนัก องค์กรขนาดใหญ่อย่าง Microsoft มี Windows 8 และ Surface, Google มี Android, Amazon มี Kindle ในปี 2012 ผู้ใช้ได้ทดลองใช้สินค้าเหล่านี้ดูบ้างแล้ว และในปี 2013 ผู้ใช้ก็จะทราบแล้วว่าอะไรที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงๆของพวกเขา

 

การพิมพ์แบบ 3D จะก้าวไปสู่เมนสตรีม

 

 

14. การจัดการ Content จะเปลี่ยนไป เพราะเทคโนโลยีราคาถูกลง

การจัดการกับ Content ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวม การจัดการบนโลกดิจิตอล ทุก Content จะต้องจัดการผ่านทุกช่องทางได้อย่างง่ายดาย และมีเทคโนโลยีใหม่ที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์แบบ 3D ผ่านพรินเตอร์สามมิติ ซึ่งเมื่อ 6 ปีก่อน ราคาถูกที่สุดคือ $30,000 แต่ในตอนนี้หาซื้อได้ในราคาเพียง $500 เท่านั้น

 

15. การผลิตผลิตภัณฑ์จำลองทำได้อย่างง่ายดาย

ในขณะที่การขึ้นโมเดล 3D และการพิมพ์แบบ 3D ได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้ Virtual Manufacturing หรือการขึ้นโมเดลจำลองแบบเสมือน ได้รับความนิยมมากขึ้น อย่างเช่นบริการของ Shapeways, Ponoko, Sculpteo และ i.materialise ซึ่งให้โรงงานที่ผลิตสามารถจ้างผลิตได้ในปริมาณต่ำ (10-1,000) ชิ้น เพื่อให้นักออกแบบได้เห็นภาพผลิตภัณฑ์จำลองเมื่อผลิตได้จริง และสั่งพิมพ์รายละเอียดก่อนผลิตได้ตลอดเวลา

 

เทคโนโลยีผสานศิลปะ

 

 

16. มีการนำหุ่นยนต์มาช่วยในการควบคุมคุณภาพในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ

การเชื่อมโยงการผลิตสมาร์ทโฟนด้วยนวัตกรรมและการลงทุน เช่นการตรวจสอบคุณภาพของนาฬิกาและเครื่องประดับ ตัวอย่างเช่นการผลิต HTC One และ Nokia Lumia ที่ใช้เคสแบบไร้ต่อต่อก็ใช้เทคโนโลยีการประกอบแบบ unibody

 

17. เทคโนโลยี Gesture จะมาแรง

เราใช้ Gesture ในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แต่ล่าสุดจะถูกนำมาใช้กับการช้อปปิ้ง มีการใช้ Gesture ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้ง ด้วยการใช้ Gesture กับตู้แจกโบรชัวร์อัตโนมัติ หรือใช้ Gesture ในการเล่นเกมส์เต้นในห้องนั่งเล่นที่บ้าน

 

18. ศิลปะ คู่นวัตกรรม

ผสมผสานศิลปะในการออกแบบ การสร้างสรรค์ผลิตถัณฑ์จากจินตนาการ หลายๆบริษัทนอกจากจะคิดค้นผลิตภัฑณ์คุณภาพแล้ว ยังมองในเรื่องของการออกแบบ การดึงดูดผู้พบเห็นด้วยความสวยงามของศิลปะ ตัวอย่าง Intel ที่ใช้นักดนตรีในการควบคุมการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเผยแพร่วัฒนธรรม

 

โลกที่แคบลงบน Social Networks

 

 

 

19. Sensor

 

พฤติกรรมของผู้ใช้เปลี่ยนแปลงไป  การเชื่อมโยงการสื่่อสาร การตรวจสอบแบบเรียลไทม์ และ Social Network เป็นปัจจัยสำคัญ ทุกวันนี้เราเห็นคนใช้งานดาต้าสูงขึ้นมาก มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ และแชร์ข้อมูลต่างๆมากขึ้น Crowdsourcing เข้ามามีบทบาทมากในการสร้างข้อมูลและแชร์ร่วมกัน ทางด้านการแพทย์ มีการใช้เซ็นเซอร์และแอพเข้ามาช่วยในการตรวจความผิดปกติของร่างกาย ซึ่งการนำเซ็นเซอร์เข้ามาช่วยในการวินิจฉัยอาการและการเชื่อมโยงกับ Social Network ก็จะทำให้พฤติกรรมของเราเปลี่ยนไป

 

20. Micro-Network โตขึ้น

 

เราจะเชื่อมโยงการสื่อสารกันผ่าน Micro-Network นอกเหนือจาก Social Platform ใหญ่ๆ เราก็จะสื่อสารกันผ่าน Micro-Network โดยพูดคุยในเรื่องที่เจาะลึกในด้านที่เราสนใจ เป็นกลุ่ม Local Community มากขึ้น เพราะรู้ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน ซึ่ง Micro-Network นี้ ไม่ใช่ Social Network แต่เป็นการสนทนาแบบเห็นหน้ากันจริงๆ หรืออีเมล์ หรือโทรศัพท์เพื่อแยกกลุ่มการสนทนาให้เล็กลง Social Platforms อย่าง Quora และ Facebook จะถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานเป็น Micro-Network อย่างเช่น คนสนใจเรื่องใด ก็เข้า Facebook Group พูดคุยกัน ในเรื่องที่เราสนใจเหมือนๆกัน เช่นเรื่องการเมือง เรื่องความสนใจงานอดิเรกต่างๆ (Private Community)

 

เทคโนโลยีที่นำมาเสนอในบทความนี้ เป็นการคาดการณ์จากหลายๆผู้เชี่ยวชาญ ลองติดตามไปพร้อมๆกัน ว่าปีนี้เทคโนโลยีใดจะก้าวหน้าและเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ที่แน่ๆ แอพ อุปกรณ์ การเชื่อมต่อ 3G และ Micro-Networking มาแรงแน่

  

อ้างอิงจาก : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1356600945&grpid=03&catid=21&subcatid=2100