การจัดหมวดหมู่หนังสือ เป็นการแบ่งกลุ่มประเภทเนื้อหาของหนังสือให้หนังสือที่มีเนื้อหาเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกันมาอยู่รวมกันแล้วใช้สัญลักษณ์เป็นตัวเลข หรือตัวอักษรตามที่กำหนดไว้ในระบบ เขียนไว้ที่สันหนังสือ ทุกเล่ม ทั้งนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการแยกจัดเก็บไว้ในชั้นสะดวกต่อการค้นหาของผู้ใช้ บริการสัญลักษณ์ที่เขียนกำกับไว้บนสันหนังสือนี้เรียกว่า เลขเรียกหนังสือ
เลขเรียกหนังสือ (Call number) คือ สัญลักษณ์เพื่อบอกตำแหน่งที่อยู่ของหนังสือเล่มนั้นในห้องสมุด โดยห้องสมุดกำหนดขึ้นสำหรับหนังสือแต่ละเล่มโดยเฉพาะ ซึ่งจะไม่ซ้ำกัน ทำให้สะดวกในการจัดเก็บหนังสือขึ้นชั้น และสะดวกในการค้นหา ส่วนประกอบของเลขเรียกหนังสือ ประกอบด้วย
เลขเรียกหนังสือ (Call number) คือ สัญลักษณ์เพื่อบอกตำแหน่งที่อยู่ของหนังสือเล่มนั้นในห้องสมุด โดยห้องสมุดกำหนดขึ้นสำหรับหนังสือแต่ละเล่มโดยเฉพาะ ซึ่งจะไม่ซ้ำกัน ทำให้สะดวกในการจัดเก็บหนังสือขึ้นชั้น และสะดวกในการค้นหา ส่วนประกอบของเลขเรียกหนังสือ ประกอบด้วย
- เลขหมู่หนังสือ
- อักษรตัวแรกของชื่อผู้แต่ง
- อักษรตัวแรกของชื่อเรื่อง
- เลขหมู่หนังสือ (Classification Number) เป็นสัญลักษณ์ที่กำหนดขึ้นเพื่อแสดงเนื้อหาของหนังสือ การกำหนดสัญลักษณ์เพื่อแสดงเนื้อหา ของหนังสือนั้นอาจแตกต่างกันตามระบบการจัดการหนังสือ ยกตัวอย่างในระบบดิวอี้ (D.C) จะกำหนดไว้เป็นตัวเลข
ดิวอี้ใช้ตัวเลขสามหลักเป็นสัญลักษณ์ในการแบ่งหมวดหมู่หนังสือ โดยแบ่งหนังสือออกเป็น 10 หมวดใหญ่ แต่ละหมวดใหญ่แบ่งออกเป็น 10 หมวดย่อย แต่ละหมวดย่อยแบ่งออกเป็น 10 หมู่ย่อย แต่ละหมู่ย่อยแบ่งออกเป็นจุดทศนิยม โดยทศนิยมจะมีมากกว่าหนึ่งตำเเหน่ง อาจจะมี 4-6 ตำเเหน่งก็ได้
- เลขผู้แต่ง (Author Number, Book Number) สัญลักษณ์ที่ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขตัวอักษร ได้มาจากอักษรตัวแรกของชื่อผู้แต่งที่ใช้ลงรายการหลัก ส่วนตัวเลขนั้น บรรณารักษ์เป็นผู้กำหนดขึ้นการกำหนดเลขผู้แต่งนี้ บรรณารักษ์จะกำหนดขึ้นโดยใช้ตารางกำหนดเลขผู้แต่งเป็นบรรทัดฐานในการให้เลขผู้แต่ง
- เลขประจำตัวผู้แต่ง เป็นเลขที่กำหนดขึ้นมาจากชื่อของผู้แต่งแต่ละคนเพื่อให้มี ความแตกต่างกันโดยเฉพาะผู้แต่งที่มีอักษรย่อตัวเดียวกันเลขผู้แต่งจะเขียนไว้บนสันหนังสือต่อจากอักษรย่อผู้แต่ง
ภาพตัวอย่างตารางเลขผู้แต่งหนังสือภาษาไทยสำเร็จรูป ของหอสมุดแห่งชาติ หมวด ก.
3. อักษรชื่อเรื่อง (Workmark) เป็นสัญลักษณ์ได้มาจากพยัญชนะตัวแรกของชื่อหนังสือ ในห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีหนังสือ เป็นจำนวนมาก โอกาสที่หนังสือจะมีเลขหมู่ซ้ำกัน เลขผู้แต่งซ้ำกันย่อมมีได้มาก ห้องสมุดจึงช่วยให้ผู้ใช้เห็นความแตกต่างของหนังสือแต่ละเล่มโดยใส่อักษรตัวแรกของชื่อเรื่องไว้ในเลขเรียกหนังสือออกด้วย อักษรชื่อเรื่องนี้จะอยู่ถัดจากเลขผู้แต่ง เลขเรียกหนังสือจะปรากฏอยู่ที่สันหนังสือ หรือหน้าปกของหนังสือแต่ละเล่ม และปรากฏที่ผลการสืบค้นเมื่อทำการสืบค้นในฐานข้อมูล บรรณานุกรมหนังสือของห้องสมุด โดยทำการจดเลขเรียกหนังสือที่ปรากฏ เพื่อไปทำการค้นหาหนังสือที่ชั้น เพื่อความสะดวกรวดเร็ว
ตัวอย่างหน้าจอแสดงเลขเรียกในฐานข้อมูลบรรณานุกรม
เลขเรียกหนังสือนอกจากจะมีส่วนประกอบ 3 ส่วนดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังอาจมี ส่วนอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีก ดังนี้
การใช้ตัวอักษรประกอบเลขหมู่หนังสือ สำหรับหนังสือบางประเภทเพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และสะดวกสำหรับผู้ใช้ ได้มีการนำตัวอักษรมาประกอบกับเลขหมู่หนังสือ โดยจะให้ตัวอักษรอยู่เหนือเลขหมู่หนังสือ ตัวอักษรที่นำมาประกอบเลขหมู่หนังสือได้แก่ “ อ ” หมายถึง หนังสืออ้างอิง ถ้าเป็นหนังอ้างอิงภาษาอังกฤษจะใช้ “ R” หรือ “ Ref “ มาจากคำว่า Reference
ตัวอย่างการติดเลขเรียกหนังสืออ้างอิงแบบเดิม
ตัวอย่างการติดเลขเรียกหนังสืออ้างอิงแบบใหม่
การใช้ตัวอักษรแทนเลขหมู่หนังสือ หนังสือบางประเภท การจัดหมวดหมู่จะพิจารณาจากลักษณะการประพันธ์ ถ้าหากเป็นนวนิยาย ซึ่งมีกลวิธีในการนำเสนอเรื่องคล้ายกัน ก็จัดเป็นประเภทเดียวกัน ไม่ได้พิจารณาจากเนื้อเรื่องนวนิยาย สำหรับตัวอักษรที่ใช้แทนเลขหมู่หนังสือ ได้แก่
น หรือ นว หมายถึง นวนิยายไทย
F หรือ Fic หมายถึง นวนิยายอังกฤษ มาจากคำว่า Fiction
ร.ส. หมายถึง เรื่องสั้น
S.C หมายถึง เรื่องสั้นภาษาอังกฤษ มาจากคำว่า Short Story Collection
นอกจากการใช้ตัวเลข และตัวอักษรประกอบเลขหมู่หนังสือ และแทนเลขหมู่หนังสือข้างต้นแล้ว จะมีส่วนเพิ่มเติมในกรณีที่มีหลายเล่มจบ ล. 1 หมายถึง เล่มที่ 1 จะต้องใส่ไว้บรรทัดที่ 4
ของสันหนังสือว่าเป็นเล่มที่เท่าไหร่ เช่น ล.1, ล.2, ล.3 เป็นต้น ถ้าเป็นหนังสือภาษาอังกฤษให้ใช้ V.1, V.2 , V.3 (Volume) บรรทัดที่ 3 จะเป็นปีพ.ศ. ที่จัดพิมพ์หนังสือ
ในกรณีที่หนังสือนั้นซื้อมาหลายฉบับจะต้องใส่ด้วยว่า
เป็นฉบับที่เท่าไหร่ เช่น ฉ.1, ฉ.2, ฉ.3 เป็นต้น ถ้าเป็นภาษาอังกฤษให้ใช้ C.1, C.2 , C.3 (Copy)
/////////////////////////////////////////////////////////////////////
ประเภทบทความ: